งานก็ยุ่ง ลูกก็ต้องเลี้ยง กิจกรรมอื่นก็อยากทำ
โอ๊ย!!! ทำยังไงดีเนี่ย
หลายท่านคงมีปัญหาในการบริหารชีวิตส่วนตัวกับการทำงานเป็นอย่างมาก หรือที่เขาเรียกกันว่า “Work Life-Balance”
ทำงานจนไม่ได้ทำอะไรเลยแม้แต่นอนให้ ครบ 6-8 ชั่วโมง สุขภาพก็เสียสุดท้ายก็มากระทบงานในทางอ้อม
ยิ่งเป็นแม่คน ต้องดูแลลูกอีก ถ้างานท่วมหัว ก็ไม่สามารถดูแลลูกได้อย่างเต็มที่นัก
นี่แหละครับ ปัญหาของการที่เราสร้างสมดุลให้ชีวิตไม่ได้
แล้วเหล่าแม่วัยทำงานทุกท่านในสังคมไทยล่ะจะบริหารชีวิตตัวเองได้แค่ไหนกันนะ?
ผลสำรวจคุณภาพชีวิตและความสุขคนวัยทำงานในองค์กรประเทศไทย ระดับประเทศประจำปี 2565 โดยสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ได้สำรวจถึงค่าความสุข มิติสมดุลชีวิตกับการทำงาน (Work Life-Balance) ของเหล่าคุณแม่ทำงานแต่ละช่วงวัยของสังคมไทย ผลปรากฎออกมาดังนี้
ค่าเฉลี่ยทุก Generation ไม่น่าพิศมัยนัก ต่ำกว่าเกณฑ์กันทุกช่วงวัยเลยทีเดียว แต่ก็พอสามารถเปรียบเทียบได้
Generation Baby Boomer นั้นมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุด คือ ร้อยละ 48 รองลงมาคือ Generation X , Generation Y และ Generation Z ตามลำดับ โดยมีค่าเฉลี่ย ร้อยละ 44.2 , 41.9 และ 37.8 ตามลำดับ
เท่านี้ก็น่าจะเข้าใจแล้วว่าในสังคมไทยมีปัญหาเรื่อง Work Life-Balance มากแค่ไหน โดยเฉพาะผู้คนใน Generation Z มักทำงานหามรุ่งหามค่ำ และหักโหมตนเอง ตามประสาเด็กจบใหม่ที่พึ่งเริ่มต้นชีวิตและต้องการสร้างตัว บางคนไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเลยเพราะทำแต่งานและพอจะกลับบ้านฟ้าก็มืดเสียแล้ว
เอาจริงๆสังคมไทยยังไม่เข้าใจเรื่อง Work Life-Balance กันมากนัก ยังมีผู้คนรุ่นเก่าจำนวนไม่น้อยที่ยังเชื่อว่าการทำงานจนตัวตายนั้นจะทำให้เรารวยได้ ซึ่งเอาจริงๆแล้วความคิดนี้เก่าเกินไปสำหรับยุคนี้แล้ว
แต่ถ้าเป็นค่าเฉลี่ยของ พฤติกรรมความทุ่มเทในการทำงานอย่างเต็มความสามารถ (Strive) ในสังคมไทยนั้นมีค่าสูงผิดกันเลย อย่างที่กล่าวไปเพราะตั้งใจกันทำงานมากจนไม่สนใจสุขภาพตัวเองเลย
ค่าเฉลี่ยที่สูงที่สุดคือช่วง Generation Baby Boomer เช่นเคย ที่สูงถึง ร้อยละ 71.6 รองลงมาคือ Generation X , Generation Y และ Generation Z โดยมีค่าเฉลี่ย ร้อยละ 70.7 , 68.7 และ 65.7 ตามลำดับ ซึ่งเรียงลำดับตามด้านบนเลย
ค่าเฉลี่ยของสองส่วนที่ได้ระบุไปนั้นแปรผกผันกันมากเลย ซึ่งสะท้อนสังคมการทำงานในประเทศไทยได้เป็นอย่างดีว่า ผู้คนมักทำงานกันจนเสียเวลาส่วนตัวกันไปอย่างมหาศาล การรณรงค์เรื่อง Work Life-Balance นั้นคงยังอีกยาวไกลถึงจะทำได้เป็นรูปเป็นร่าง
คุณแม่ทั้งหลายก็อย่าทำงานกันจนลืมดูแลลูกและสามีสุดที่รักกันนะครับ การงานสำคัญก็จริงแต่ไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิต ควรออกไปใช้ชีวิตบ้าง บางทีการที่ได้ใช้เวลากับครอบครัวที่ตนเองรักเพื่อฟื้นฟูความเหนื่อยล้าทั้งกายและใจแล้วกลับมาทำงานก็เป็นวิธีที่ดีและอาจจะทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมก็ได้